กล่องหัวใจ กล่องเหล็กทรงหัวใจเป็นบรรจุภัณฑ์ที่มีลักษณะเฉพาะเป็นได้รับการออกแบบเป็นรูปหัวใจ ทำให้เหมาะแก่การนำไปใส่ของหวานจำพวกช็อกโกแลตหรือคุกกี้สำหรับมอบเป็นของขวัญในโอกาสพิเศษ
กล่องเหล็กทรงหัวใจ ใช้กับผลิตภัณฑ์แบบไหน กล่องหัวใจ
กล่องเหล็กทรงหัวใจ ออกแบบดูดีเหมาะสมเป็นของขวัญในโอกาสพิเศษ สามารถใส่ผลิตภัณฑ์ได้อย่างมากมายอย่าง ของหวาน ช็อคโกแลต คุกกี้ ดอกไม้ ของตกแต่งหรือของเบ็ดเตล็ดอื่นๆกล่องเหล็กทรงหัวใจ เป็นบรรจุภัณฑ์ที่ผลิตขึ้นมาจากโลหะ คุณลักษณะเด่นกระป๋องเหล็กที่สามารถจะช่วยคุ้มครองปกป้องผลิตภัณฑ์ที่อยู่ด้านในจากน้ำ อากาศ แสงสว่าง ฝุ่นละออง รวมทั้งแมลงต่างๆWawa Pack มี กล่องเหล็กทรงหัวใจ มากมายสี คุณภาพดี วางแบบเก๋เบื่อกล่องของขวัญทรงเดิมๆแล้วหรือยัง Made By Hand มีจัดจำหน่ายกล่องของขวัญรูปหัวใจ สิ่งของทำมาจากกระดาษพิเศษประสิทธิภาพสูง มีความแข็งแรงทน น้ำหนักค่อย
และก็สามารถทนความชุ่มชื้นได้มาก ใช้สำหรับจัดของขวัญ จัดกล่องของขวัญผลไม้ ปักดอกไม้ หรือใส่ของจิปาถะต่างๆเพื่อมอบให้เป็นของขวัญในวันแห่งความรัก วันเกิด หรือโอกาสพิเศษต่างๆเครื่องหมาย หัวใจ กับความหมายที่สื่อออกมาถึงคำว่า “ความรักในใจ” ซึ่งพวกเราต่างทราบดีว่ารูปร่างของมันนั้นมีลักษณะเช่นเดียวกับหัวใจของคนเราจริง นั่นเอง กล่องรูปหัวใจ ก็เลยแปลได้ได้ ข้าวของที่อยู่ด้านในกล่องนั้นมาจากในใจของผู้เสียสละนั่นเอง

การสืบสวนเรื่องราวเกี่ยวกับที่มาที่ไปของดนตรีตั้งแต่สมัยก่อนมา ถือว่าเป็นเรื่องยากที่จะให้ได้เรื่องราว ยุคของการรู้จักใช้อักษรหรือเครื่องหมายอื่นๆเพึ่งจะมีปรากฏและก็เริ่มนิยมใช้กันในยุคเริ่มของสมัย Middle age เป็นระหว่างศตวรรษที่ 5-6 และก็การบันทึกมีเพียงแค่สัญลักษณ์แสดงเพียงแค่ระดับของเสียง แล้วก็จังหวะ ( Pitch and time ) ดนตรีเกิดมาในโลกพร้อมๆกับมนุษย์เรานั่นเอง กล่องหัวใจ ในสมัยแรกๆมนุษย์อาศัยอยู่ในป่าดง ในถ้ำ ในโพรงไม้ แต่ว่าก็รู้จักการตะโกนรำทำเพลงตามธรรมชาติ อย่างเช่นรู้จักตบมือ เคาะหิน เคาะไม้ ผิวปาก เป่าเขา แล้วก็ออกเสียงร้องตามเรื่องตามราว การตะโกนรำทำเพลงไปเพื่อขอความช่วยเหลือพระผู้เป็นเจ้าเพื่อช่วยทำให้ตนปลอดภัย บันดลความสบายความอุดมสมบูรณ์ต่างๆให้แก่ตน หรือเป็นการบูชาแสดงความขอบพระคุณพระผู้เป็นเจ้าที่บันดลให้ตนสุขสบายความสบาย
โลกได้ผ่านหลายสมัยหลายยุค ดนตรีได้พัฒนาการไปตามความรุ่งเรือง
รวมทั้งความริเริ่มคิดสร้างสรรค์ของผู้คน อุปกรณ์สำหรับเล่นดนตรีที่เคยใช้ในยุคเริ่มต้นก็มีการพัฒนาการมาเป็นขั้นๆเปลี่ยนเป็นอุปกรณ์สำหรับเล่นดนตรี ที่พวกเรามองเห็นอยู่วันแล้ววันเล่า เพลงที่ร้องเพื่อขอร้องพระผู้เป็นเจ้า ก็เปลี่ยนมาเป็นเพลงสวดทางศาสนา และก็เพลงร้องโดยปกติ การ เกิดของอุปกรณ์สำหรับเล่นดนตรีเกิดขึ้นตั้งแต่โบราณกาล โดยมนุษย์รู้จักการผลิตอุปกรณ์สำหรับเล่นดนตรีกล้วยๆจากธรรมชาติรอบตัวเป็น กล่องหัวใจ เริ่มจากการปรบมือผิวปาก เคาะหิน หรือนำก้านไม้มาตีกันซึ่งถัดมาได้มีการสร้างอุปกรณ์สำหรับเล่นดนตรีที่มีรูป ทรงลักษณะต่างๆที่นาๆประการในแต่ละชาติ โดยมีการแลกศิลปวัฒนธรรมแล้วก็ลักษณะอุปกรณ์สำหรับเล่นดนตรีของเชื้อชาติต่างๆ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุปกรณ์สำหรับเล่นดนตรีสากลที่เป็นอุปกรณ์สำหรับเล่นดนตรีของชาวต่างประเทศที่เอามาเล่นกัน แพร่หลายในขณะนี้ สำหรับในการเกิดของดนตรีตะวันตกนั้นมาจากอุปกรณ์สำหรับเล่นดนตรีของชาติภาษากรีกโบราณที่ สร้างอุปกรณ์สำหรับเล่นดนตรีขึ้นมา 3 จำพวกเป็น ไลรา คีธาร รวมทั้งออโรสจนถึงถัดมามีการปรับปรุงสร้างอุปกรณ์สำหรับเล่นดนตรีชนิดต่างๆอีกทั้งจำพวกเครื่องสายเครื่องเป่า เครื่องทองหยองเหลือง เครื่องตี แล้วก็เครื่องดีดหรือเครื่องเคาะ ตัวอย่างเช่นไวโอลิน ฟลุต ทรัมเป็ต กลองชุด กีตาร์ อื่นๆอีกมากมายโดยเจออุปกรณ์สำหรับเล่นดนตรีสากลได้ในวงดนตรีสากลชนิดต่างๆตั้งแต่โบราณกาลจนกระทั่งเดี๋ยวนี้
ดนตรีสากล คือ ดนตรี อุปกรณ์สำหรับเล่นดนตรี
และก็แนวเพลงที่นิยมแพร่หลายไปทั้งโลก เป็นที่แพร่หลายจนถึงเป็นมาตรฐานเดียวกัน ดนตรีสากลมีที่มาจากเพลงศาสนา ถัดมาชาวตะวันตกได้มีการบันทึกจังหวะดนตรีที่เป็นแบบแผนเดียวกันโดยใช้สัญลักษณะที่เรียกว่า “โน้ตสากล” แล้วก็ใช้กับอุปกรณ์สำหรับเล่นดนตรีสากลที่ได้รับการพัฒนาโดยตลอดกระทั่งเป็นที่ยอมรับอย่างมากมายในตอนนี้ดนตรีสากลชอบเป็นดนตรีตะวันตก (western music หรือ occidental music) ของฝั่งยุโรปแล้วก็อเมริกามากยิ่งกว่าดนตรีทิศตะวันออก (oriental music) ของฝั่งทวีปเอเชีย
ขนบประเพณีของแต่ละชาติ ศาสนา โดยยิ่งไปกว่านั้นทางดนตรีตะวันตก ถือว่ามีความเกี่ยวข้องสนิทสนมกับศาสนามากมาย เพลงที่เกี่ยวกับศาสนาหรือเรียกว่าเพลงวัดนั้น ได้แต่งขึ้นอย่างถูกหลักเกณฑ์ ตามหลักวิชาการดนตรี ผู้ประพันธ์เพลงวัดควรมีวิชาความรู้ความรู้ความเข้าใจสูง ด้วยเหตุว่าจำเป็นต้องแต่งขึ้นให้สามารถโน้มน้าวจิตใจคนฟังให้นิยมเลื่อมใสในศาสนามากเพิ่มขึ้น ด้วยเหตุผลดังกล่าวเพลงสวดมนตร์ในศาสนาคริสต์ก็เลยมีเสียงดนตรีบรรเลงประกอบกิจการสวดมนต์ไหว้พระ เมื่อมีเพลงเกี่ยวกับศาสนาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพื่อเป็นการปกป้องการลืมก็เลยได้มีผู้คิดค้นเครื่องหมายต่างๆแทนทำนอง เมื่อราวๆ คริสต์ศักราช 1000 เครื่องหมายดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นเป็น โน้ต ( Note ) นั่นเอง โน้ตที่ใช้ในหลักวิชาดนตรีพื้นฐานเป็นเสียงโด เร มี นั้น เป็นคำสวดมนตร์ในภาษาละติน ก็เลยเรียกได้ว่าวิชาดนตรีมีแหล่งกำเนิดมาจากวัดหรือศาสนา ซึ่งในยุโรปนั้นจัดว่าเพลงเกี่ยวกับศาสนานั้นเป็นเพลงชั้นสูงสุด
การสืบเรื่องราวเกี่ยวกับที่มาที่ไปของดนตรีตั้งแต่สมัยก่อนมา ถือว่าเป็นเรื่องยากที่จะให้ได้เรื่องราว ยุคของการรู้จักใช้อักษรหรือเครื่องหมายอื่นๆ เพึ่งจะมีปรากฏรวมทั้งเริ่มนิยมใช้กันในยุคเริ่มของสมัย Middle age เป็นระหว่างศตวรรษที่ 5-6 แล้วก็การบันทึกมีเพียงแต่สัญลักษณ์แสดงเพียงแต่ระดับของเสียง รวมทั้งจังหวะ ( Pitch and time ) ดนตรี เกิดมาในโลกพร้อมๆกับมนุษย์เรานั่นเอง ในสมัยแรกๆมนุษย์อาศัยอยู่ในป่าดง ในถ้ำ ในโพรงไม้ แต่ว่าก็รู้จักการตะโกนรำทำเพลงตามธรรมชาติ อาทิเช่นรู้จักตบมือ เคาะหิน เคาะไม้ ผิวปาก เป่าเขา แล้วก็ออกเสียงร้องตามเรื่องตามราว การตะโกนรำทำเพลงไปเพื่อขอร้องพระผู้เป็นเจ้าเพื่อช่วยทำให้ตนปลอดภัย บันดลความสำราญความอุดมสมบูรณ์ต่างๆให้แก่ตน หรือเป็นการบูชาแสดงความขอบพระคุณพระผู้เป็นเจ้าที่บันดลให้ตนแฮปปี้ความสบาย
โลกได้ผ่านหลายสมัยหลายยุค ดนตรีได้พัฒนาการไปตามความเจริญก้าวหน้าและก็ความริเริ่มคิดสร้างสรรค์ของคนเรา อุปกรณ์สำหรับเล่นดนตรีที่เคยใช้ในยุคเริ่มต้นก็มีการพัฒนาการมาเป็นขั้นๆ แปลงเป็นอุปกรณ์สำหรับเล่นดนตรี ที่พวกเรามองเห็นอยู่ทุกวี่ทุกวัน เพลงที่ร้องเพื่อขอร้องพระผู้เป็นเจ้า ก็เปลี่ยนมาเป็นเพลงสวดทางศาสนา รวมทั้งเพลงร้องโดยปกติการเรียนวิชาเรื่องราวดนตรีตะวันตกคนไม่ใช่น้อยอาจ
กล่องหัวใจ จะมีความคิดว่าเกิดเรื่องไกลตัวอย่างยิ่ง แล้วก็มักมีปริศนาเสมอว่าจะศึกษาเล่าเรียนไปเพราะเหตุใดคำตอบก็คือ ดนตรีตะวันตกเป็นรากของดนตรีที่พวกเราได้ยินได้ฟังกันเวลานี้ ที่มาที่ไปของดนตรีหรือประวัติศาสตร์ดนตรีนั้นเป็นการมองย้อนไปไปใน
สมัยก่อนเพื่อมานะทำความเข้าใจกับประเด็นต่างๆของสมัยก่อนในแต่ละยุคนับเวลาย้อนกลับไปตรงเวลาหลายพันปีจากสภาพสังคมที่แวด ล้อมทรรศนะคติรวมทั้งรสนิยมของผู้ผลิตสรรค์แล้วก็คนฟังดนตรีในแต่ละยุคนั้นแตก กล่องหัวใจ แตกต่างกันเช่นไรจากการลองถูกลองผิดทดลองแล้วทดลองอีกการจินตนาการตามแนวความคิดของผู้ นิพนธ์เพลงจนตราบเท่าไตร่ตรองออกมาเป็นเพลงให้ผู้คนได้ฟังกันจนกระทั่ง ตอนนี้

การเรียนเรื่องราวทางประวัติศาสตร์หรือการมองย้อนกลับไปในอดีตกาลนั้นเว้นเสียแต่ เป็นไปเพื่อความไม่กังวลใจสำหรับในการได้ศึกษาเล่าเรียนและก็ทราบเรื่องราวของสมัยก่อนโดย ตรงแล้วยังเป็นการเรียนรู้ เป็นแถวทางเพื่อทำความเข้าใจดนตรีที่เกิดขึ้นแล้วก็ความเคลื่อนไหวในด้านของ ดนตรีในขณะนี้รวมทั้งเพื่อนำมาใช้สำหรับในการพยากรณ์หรือคาดการณ์ถึงแนวโน้มของดนตรีใน อนาคตด้วย เอ่ยถึงเรื่องราวดนตรีตะวันตกซึ่งแบ่งได้เป็นยุคต่างๆได้ 9 ยุค ดังต่อไปนี้ (ณรุทธ์ สุทธจิตต์,2534 : 133)
ยุคศตวรรษที่ 20 และก็ปัจจุบันนี้ (The Twentieth century)
การสืบสาวราวเรื่องเรื่องราวเกี่ยวกับที่มาที่ไปของดนตรีตั้งแต่โบราณกาลมา ถือว่าเป็นเรื่องยากที่จะให้ได้เรื่องราว ยุคของการรู้จักใช้อักษรหรือเครื่องหมายอื่นๆ เพึ่งจะมีปรากฏรวมทั้งเริ่มนิยมใช้กันในยุคเริ่มของสมัย Middle age เป็นระหว่างศตวรรษที่ 5-6 และก็การบันทึกมีเพียงแค่สัญลักษณ์แสดงเพียงแค่ระดับของเสียง แล้วก็จังหวะ ( Pitch and time ) ดนตรีเกิดมาในโลกพร้อมๆกับมนุษย์เรานั่นเอง ในสมัยแรกๆมนุษย์อาศัยอยู่ในป่าดง ในถ้ำ ในโพรงไม้ แม้กระนั้นก็รู้จักการส่งเสียงร้องรำทำเพลงตามธรรมชาติ ตัวอย่างเช่นรู้จักตบมือ
เคาะหิน เคาะไม้ ผิวปาก เป่าเขา และก็ออกเสียงร้องตามเรื่องตามราว การส่งเสียงร้องรำทำเพลงไปเพื่อวิงวอนพระผู้เป็นเจ้าเพื่อช่วยทำให้ตนปลอดภัย บันดลความสำราญ กล่องหัวใจ อุดมสมบูรณ์ต่างๆให้แก่ตน หรือเป็นการบูชาแสดงความขอบคุณมากพระผู้เป็นเจ้าที่บันดลให้ตนเป็นสุขความสบาย ดนตรีสากลเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของชาวต่างประเทศ เริ่มจากการที่คนยุโรปมีการบันทึกทำนองที่เป็นแบบแผนเดียวกันโดยใช้เครื่องหมายที่เรียกว่า โน้ตสากล รวมทั้งใช้กับอุปกรณ์สำหรับเล่นดนตรีสากลที่ได้รับการพัฒนาโดยตลอดกระทั่งเป็นที่ยอมรับอย่างมากมายในตอนนี้
ดนตรีสากลเป็นดนตรีชนิดหนึ่งที่ชาวต่างประเทศได้เอามาเผยแพร่กระทั่งมีชื่อเสียงกันทั่วทั้งโลก ก็เลยทำให้หลายชาติหลายภาษาสามารถเล่นอุปกรณ์สำหรับเล่นดนตรีสากลได้ อุปกรณ์สำหรับเล่นดนตรีสากลที่ใช้กันในเชื้อชาติต่างๆจำนวนมากเป็นมาตรฐานเดียวกัน ประเภทเดียวกัน มีการบันทึกท่วงทำนองโดยใช้เครื่องหมายเดียวกัน ซึ่งเครื่องหมายที่ใช้บันทึกจังหวะดนตรีเรียกว่า โน้ตสากล โน้ตสากลใช้เพื่อบันทึกท่วงทำนองเพื่อกันลืมแล้วก็เป็นการระบุทำนองว่าจะใช้เสียงสั้นยาวเท่าใด หรือเน้นย้ำเสียงหนักเบาตรงตอนใดนอกนั้นโน้ตสากลยังสื่อความหมายฯลฯลักษณะของดนตรีสากลในแต่ละสมัยแต่ละยุคก็จะไม่เหมือนกันออกไป ดนตรีสากลได้ปรับปรุงอีกทั้งลักษณะของเพลงและก็อุปกรณ์สำหรับเล่นดนตรีมาสู่ช่วง
เป็นที่ชื่นชอบทั่วทั้งโลก ประวัติความเป็นมาของดนตรีสากล
ดนตรีเป็นส่วนหนึ่งส่วนใดของวิถีชีวิตมนุษย์ มนุษย์รู้จักนำดนตรีมาใช้ประโยชน์ตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ ภายหลังที่มนุษย์รู้จักการจดบันทึกข้อมูล ก็เลยทำให้คนรุ่นใหม่ได้รู้ประวัติความเป็นมาของดนตรี การเรียนรู้ประวัติศาสตร์ดนตรี ทำให้พวกเรารู้เรื่องมนุษย์ร่วมกันมากขึ้นเรื่อยๆ รู้เรื่องวิถีชีวิตชีวิตความเป็นอยู่ และก็รู้เรื่องการสืบสานด้านวัฒนธรรมดนตรี
การ เกิดของอุปกรณ์สำหรับเล่นดนตรีเกิดขึ้นตั้งแต่อดีตกาล โดยมนุษย์รู้จักการผลิตอุปกรณ์สำหรับเล่นดนตรีกล้วยๆจากธรรมชาติรอบกายเป็น เริ่มจากการปรบมือผิวปาก เคาะหิน หรือนำก้านไม้มาตีกันซึ่งถัดมาได้มีการสร้างอุปกรณ์สำหรับเล่นดนตรีที่มีร ูป ทรงลักษณะต่างๆที่นาๆประการในแต่ละชาติ โดยมีการแลกศิลปวัฒนธรรมรวมทั้งลักษณะอุปกรณ์สำหรับเล่นดนตรีของเชื้อชาติ ต่างๆ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุปกรณ์สำหรับเล่นดนตรีสากลที่เป็นอุปกรณ์สำหรับเล่นดนตรีของชาวต่างชาติที่น ำมาเล่นกัน แพร่หลายในขณะนี้ สำหรับเพื่อการเกิดของดนตรีตะวันตกนั้นมาจากอุปกรณ์สำหรับเล่นดนตรีของเชื้อชาติ ภาษากรีกโบราณที่ สร้างอุปกรณ์สำหรับเล่นดนตรีขึ้นมา 3 ประเภทเป็น ไลรา คีน้ำ และก็ออโรสจนถึงถัดมามีการปรับปรุงสร้างอุปกรณ์สำหรับเล่นดนตรีจำพวกต่างๆอีกทั้งชนิดเครื่องสายเครื่องเป่า เครื่องทองหยองเหลือง
เครื่องตี และก็เครื่องดีดหรือเครื่องเคาะ ยกตัวอย่างเช่นไวโอลิน ฟลุต ทรัมเป็ต กลองชุด กีตาร์ อื่นๆอีกมากมายโดยเจออุปกรณ์สำหรับเล่นดนตรีสากลได้ในวงดนตรีสากลชนิดต่างๆตั้งแต่สมัยก่อนจนกระทั่งเดี๋ยวนี้โลกได้ผ่านหลายสมัยหลายยุค ดนตรีได้พัฒนาการไปตามความเจริญรุ่งเรืองแล้ว กล่องหัวใจ ก็ความสร้างสรรค์ของผู้คน อุปกรณ์สำหรับเล่นดนตรีที่เคยใช้ในยุคเริ่มต้นก็มีการพัฒนาการมาเป็นขั้นๆ เปลี่ยนเป็นอุปกรณ์สำหรับเล่นดนตรี ที่พวกเรามองเห็นอยู่แต่ละวัน เพลงที่ร้องเพื่อขอความช่วยเหลือพระผู้เป็นเจ้า ก็เปลี่ยนมาเป็นเพลงสวดทางศาสนา รวมทั้งเพลงร้องโดยปกติ ระยะต้น ดนตรีมีเพียงแค่เสียงเดียวแล้วก็แนวเดียวเพียงแค่นั้นเรียกว่า Melody ไม่มีการผสานเสียง จนกระทั่งศตวรรษที่ 12 มนุษย์เราเริ่มรู้จักการใช้เสียงต่างๆมาผสานกันอย่างง่ายๆ กำเนิดเป็นดนตรีหลายเสียงขึ้นมา
คีย์บอร์ดกระแสไฟฟ้า (Electronic keyboard) หรือ คีย์บอร์ด (Keyboard) เป็นอุปกรณ์สำหรับเล่นดนตรีจำพวกลิ่มนิ้ว (Keyboard instrument) มีแป้นกดเสียงโน้ตที่มีรูปร่างคล้ายกับแป้นกดเสียงโน้ตของเปียโน แล้วก็เป็นอุปกรณ์สำหรับเล่นดนตรีที่จะต้องอาศัยกำลังไฟฟ้าสำหรับระบบการทำงานเสมอ คีย์บอร์ดกระแสไฟฟ้าจะสร้างเสียงขึ้นมาในทันทีเมื่อแป้นกดเสียงโน้ตของมันถูกกด โดยจะมีการผลิตเสียงผ่านระบบคอมพิวเตอร์ด้านในตัวเครื่อง โดยปกติ คีย์บอร์ดกระแสไฟฟ้าจะมีปุ่มจำนวนเล็กๆหรือ จานหมุนเล็กๆสำหรับใช้เปลี่ยนแบบอย่างเสียง เพื่อการร่วมร้องเพลงให้กับแนวดนตรีที่ต่างกันออกไป
แบบเสียงข้างในคีย์บอร์ดกระแสไฟฟ้านั้น จะมีให้ผู้ใช้ได้เลือก ติดต่อเรา โดยชอบมีตั้งแม้กระนั้นเสียง เปียโน, ฮาร์ปสิคอร์ด, แคลฟวิคอร์ด, ออร์แกน, กีต้าร์, กีตาร์เบส, ทรัมเป็ต, แตรทองเหลือง, แซกโซโฟน, หีบเพลงชัก รวมถึงเสียงกรุ๊ปเครื่องสายข้างในวงออร์เคสยี่ห้อ, เสียงกรุ๊ปเครื่องเป่าข้างในวงโยธวาทิต, เสียงสังเคราะห์ประเภทต่างๆจากเครื่องสังเคราะห์เสียง รวมถึงเสียงเครื่องเคาะประกอบจังหวะ เป็นต้นว่า คองกา, บองโก, ไทรแองเกิล, แทมบูรีน, มาราคัส, รวมทั้งกลองชุด ฯลฯการสืบสวนเรื่องราว
กับภูมิหลังของดนตรีตั้งแต่ยุคโบรา ที่มา ถือว่าเป็นเรื่องยากที่จะให้ได้เรื่องราว ยุคของการรู้จักใช้อักษรหรือเครื่องหมายอื่นๆเพึ่งจะมีปรากฏและก็เริ่มนิยมใช้กันในยุคเริ่มของสมัย Middle age เป็นระหว่างศตวรรษที่ 5-6 และก็การบันทึกมีเพียงแค่สัญลักษณ์แสดงเพียงแต่ระดับของเสียง แล้วก็จังหวะ ( Pitch and time ) ดนตรี เกิดมาในโลกพร้อมๆกับมนุษย์เรานั่นเอง ในสมัยแรกๆมนุษย์อาศัยอยู่ในป่าดง
ในถ้ำ ในโพรงไม้ แต่ว่าก็รู้จักการตะโกนรำทำเพลงตามธรรมชาติ ดังเช่นว่ารู้จักตบมือ เคาะหิน เคาะไม้ ผิวปาก เป่าเขา แล้วก็ออกเสียงร้องตามเรื่องตามราว การตะโกนรำทำเพลงไปเพื่อขอความช่วยเหลือพระผู้เป็นเจ้าเพื่อช่วยทำให้ตนปลอดภัย บันดลความสบายความอุดมสมบูรณ์ต่างๆให้แก่ตน หรือเป็นการบูชาแสดงความขอบคุณมากพระผู้เป็นเจ้าที่บันดลให้ตนสุขสบายค วามสบาย
โลกได้ผ่านหลายสมัยหลายยุค ดนตรีได้พัฒนาการไปตามความเจริญรุ่งเรือง
รวมทั้งความสร้างสรรค์ของมนูษย ์ อุปกรณ์สำหรับเล่นดนตรีที่เคยใช้ในยุคเริ่มต้นก็มีการพัฒนาการมาเป็นขั ้นๆแปลงเป็นอุปกรณ์สำหรับเล่นดนตรี ที่พวกเรามองเห็นอยู่วันแล้ววันเล่า เพลงที่ร้องเพื่อขอร้องพระผู้เป็นเจ้า ก็เปลี่ยนมาเป็นเพลงสวดทางศาสนา แล้วก็เพลงร้องโดยธรรมดา

ในช่วงแรก ดนตรีมีเพียงแค่เสียงเดียวแล้วก็แนวเดียวแค่นั้นเรียกว่า Melody ไม่มีการผสานเสียง จนกระทั่งศตวรรษที่ 12 มนุษย์เราเริ่มรู้จักการใช้เสียงต่างๆมาผสานกันอย่างง่ายๆ ขนบประเพณีของแต่ละชาติ ศาสนา โดยยิ่งไปกว่านั้นทางดนตรีตะวันตก ถือว่ามีความเกี่ยวเนื่องสนิทสนมกับศาสนามากมาย เพลงที่เกี่ยวกับศาสนาหรือเรียกว่าเพลงวัดนั้น ได้แต่งขึ้นอย่างถูกหลักเกณฑ์ตามหลักวิชาการดนตรี
ผู้ประพันธ์เพลงวัดควรจะมีวิชาความรู้ความรู้ความเข้าใจสูง
ด้วยเหตุว่าจำเป็นต้องแต่งขึ้นให้สามารถโน้มน้าวจิตใจคนฟังให้นิยมเลื่อมใสในศาสนาเพิ่มมากขึ้น โดยเหตุนี้เพลงสวดมนตร์ในศาสนาคริสต์ก็เลยมีเสียงดนตรีเล่นดนตรีประกอบกิจการสวดมนต์ไหว้พระ เมื่อมีเพลงเกี่ยวกับศาสนาเพิ่มมากขึ้น เพื่อเป็นการคุ้มครองการลืมก็เลยได้มีผู้คิดค้นเครื่องหมายต่างๆแทนทำนอง เมื่อราว คริสต์ศักราช 1000 เครื่องหมายดังกล่าวข้างต้นเป็น โน้ตเพลง ( Note ) นั่นเอง โน้ตที่ใช้ในหลักวิชาดนตรีพื้นฐานเป็นเสียงโด เร มี นั้น เป็นคำสวดมนตร์ในภาษาละติน ก็เลยพูดได้ว่าวิชาดนตรีมีต้นกำเนิดมาจากวัดหรือศาสนา ซึ่งในยุโรปนั้นจัดว่าเพลงเกี่ยวกับศาสนานั้นเป็นเพลงชั้นสูงสุด
โดยธรรมดา คีย์บอร์ดกระแสไฟฟ้ามักถูกใช้ร่วมเล่นเพลงกับดนตรีสากลนานาประการแนว ดังเช่น ป็อป, ร็อค, แจ๊ส, อาร์แอนด์บีร่วมยุค, และก็ดนตรีอีเลกโทรนิก ฯลฯ คีย์บอร์ดกระแสไฟฟ้ายังเป็นที่นิยมมากมายในตอนทศวรรษที่ 80 สำหรับการเล่นเพลงดนตรีแนว นิวเวฟ, โปรเกรสซีฟร็อค, นิวเอจ, แจ๊สฟิวชัน, ยูโรแดนซ์, แล้วก็สินธ์ป็อป เว้นเสียแต่ดนตรียุคใหม่แล้ว คีย์บอร์ดกระแสไฟฟ้ายังคงใช้ร่วมร้องเพลงกับเพลงพื้นบ้านบางแนวได้เช่นเดียวกัน อย่างเช่น ดนตรีลูกทุ่ง ฯลฯด้วยขนาดที่กระชับแล้วก็ความรู้ความเข้าใจสำหรับเพื่อการเลียนแบบเสียงอุปกรณ์สำหรับเล่นดนตรีสากลหลายชนิด ทำให้คีย์บอร์ดกระแสไฟฟ้ายังคงเป็นที่นิยมจากเหล่านักเล่นดนตรีมาจนกระทั่งเดี๋ยวนี้
วงดนตรีที่เกิดขึ้นในศตวรรษต้นๆจนกระทั่งปัจจุบันนี้ จะมีลักษณะต่างกันออกไป อุปกรณ์สำหรับเล่นดนตรีที่ใช้เล่นเพลงก็มีปริมาณแล้วก็จำพวกแตกต่างตามแฟชั่น ลักษณะการผสมวงจะนาๆประการ เมื่อผสมวงด้วยอุปกรณ์สำหรับเล่นดนตรีที่ต่างประเภทกัน หรือปริมาณของผู้บรรเลงที่แตกต่างก็จะมีชื่อเรียกวงดนตรีแตกต่างกัน
ยุคศตวรรษที่ 20 – เดี๋ยวนี้ ภายหลังดนตรียุคโรแมนติกผ่านไป ความรุ่งโรจน์ในด้านต่างๆก็มีความจำเป็นและก็มีการปรับปรุง อย่างสม่ำเสมอตลอดมา ความรุ่งโรจน์ด้านการค้า ความเจริญก้าวหน้าด้านเทคโนโลยี ความเจริญด้านวิทยาศาสตร์ การขนส่ง การติดต่อสื่อสาร ดาวเทียม กล่องหัวใจ และยังรวมไปถึงทางด้านคอมพิวเตอร์ ทำให้แนวคิดทัศนคติของคนเราพวกเราเปลี่ยนไปและก็ไม่เหมือนกับแนวความคิดของคนภายในแต่ก่อนๆก็เลยทำให้ดนตรีมีการปรับปรุงเกิดขึ้นหลายแบบ นักแต่งเพลงทั้งหลายแหล่ต่างก็ได้มานะคิดกระบวนการเขียนเพลง การผลิตเสียงใหม่ๆรวมทั้งแบบการบรรเลงดนตรี ฯลฯกำเนิดเป็นดนตรีหลายเสียงขึ้นมา
การเล่าเรียนวิชาเรื่องราวดนตรีตะวันตกผู้คนจำนวนมากอาจมีความรู้สึกว่าเกิดเรื่องไกลตั วอย่างมาก รวมทั้งมักมีปริศนาเสมอว่าจะเรียนรู้ไปเพราะเหตุใดคำตอบก็คือ ดนตรีตะวันตกเป็นรากของดนตรีที่พวกเราได้ยินได้ฟังกันทุกวี่ทุกวันน ี้ ที่ไปที่มาของดนตรีหรือประวัติศาสตร์ดนตรีนั้นหมายความว่าการมองย้อ นข้างหลังไปใน สมัยก่อนเพื่อเพียรพยายามทำความเข้าใจกับมุมมองต่างๆของสมัยก่อนในแต่ละยุคนับเวลาย้อนกลับไปตรงเวลาหลายพันปีจากภาวะส ังคมที่แวด ล้อมทรรศนะคติรวมทั้งรสนิยมของผู้ผลิตสรรค์และก็คนฟังดนตรีในแต่ละสม ัยนั้นแตก แตกต่างกันเช่นไรจากการลองถูกลองผิดทดลองแล้วทดลองอีกการจินตนาการตาม แนวความคิดของผู้ บทกลอนเพลงจนตราบเท่าพิจารณาออกมาเป็นเพลงให้ผู้คนได้ฟังกัน จนกระทั่ง ในขณะนี้ ใส่กล่องหัวใจ
การเรียนรู้เรื่องราวทางประวัติศาสตร์ หรือการมองย้อนกลับไปในสมัยก่อนนั้นเว้นแต่เป็นไป
เพื่อความไม่รู้สึกกลุ้มใจในกา รได้เล่าเรียน ทำความเข้าใจ แล้วก็ทราบเรื่องราวของอดีตกาลโดยตรงแล้ว ยังเป็นการเรียนเป็นแถวทางเพื่อทำความเข้าใจดนตรีที่เกิดขึ้นแล ะความเคลื่อนไหวในด้านของดนตรีในตอนนี้ แล้วก็เพื่อนำมาใช้เพื่อสำหรับในการพยากรณ์หรือเดาถึงแนวโน้มของดนตรีในอนาคตด้วย จากข้างต้นนี้ก็เลยมีผลโดยตรงในการพัฒนาเปลี่ยนลักษณะของดนตรีในยุคศตวรรษที่ 20 การเปลี่ยนแปลงในทางดนตรีของนักแต่งเพลงในศตวรรษนี้ก็คือ
นักแต่งเพลงมีความคิดที่จะทดสอบ ของใหม่ๆสืบเสาะหาแนวความคิดใหม่ๆขึ้นมาเพื่อรองรับความริเริ่มคิดสร้างสรรค์กับของใหม่ๆให้กับตนเอง ดนตรีในศตวรรษที่ 20 นี้ พูดได้ว่าเป็นรูปแบบของดนตรีที่มีหลายแบบอย่างยิ่งไปกว่านี้ยัง มีการใช้บันไดเสียงมากยิ่งกว่า 1 บันไดเสียงในเวลาเดียวกันที่เรียกว่า “ โพลีโทนาลิตี้” (Polytonality) ในระหว่างที่การใช้บันไดเสียงแบบ 12 เสียง ที่เรียกว่า “ อโทนาลิตี้” (Atonality) เพลงพวกนี้ยังคงใช้อุปกรณ์สำหรับเล่นดนตรีที่มีมาเดิมทีเป็นหลักสำหรับการร้องเพลงการ เกิดของอุปกรณ์สำหรับเล่นดนตรีเกิดขึ้นตั้งแต่สมัยก่อน โดยมนุษย์รู้จักการผลิตอุปกรณ์สำหรับเล่นดนตรีกล้วยๆจากธรรมชาติรอบกายเป็น เริ่มจากการปรบมือผิวปาก
เคาะหิน หรือนำก้านไม้มาตีกันซึ่งถัดมาด้มีการสร้างอุปกรณ์สำหรับเล่นดนตรีที่มี
รูป ทรงลักษณะต่างๆที่นานับประการในแต่ละชาติ โดยมีการแลกศิลปวัฒนธรรมรวมทั้งลักษณะอุปกรณ์สำหรับเล่นดนตรีของชาติต่างๆโดยยิ่งไปกว่านั้นอุปกรณ์สำหรับเล่นดนตรีสากลที่เป็นอุปกรณ์สำหรับเล่นดนตรีของชาวต่างชาติที่เอามาเล่นกัน แพร่หลายในขณะนี้ สำหรับเพื่อการเกิด onlyonemusicbox ของดนตรีตะวันตกนั้นมาจากอุปกรณ์สำหรับเล่นดนตรีของเชื้อชาติภาษากรีกโบราณที่ สร้างอุปกรณ์สำหรับเล่นดนตรีขึ้นมา 3 จำพวกเป็น ไลรา คีสายธาร และก็ออโรสจนกระทั่งถัดมามีการปรับปรุงสร้างอุปกรณ์สำหรับเล่นดนตรีชนิดต่างๆทั้งยังชนิดเครื่องสายเครื่องเป่า เครื่องทองหยองเหลือง เครื่องตี และก็เครื่องดีดหรือเครื่องเคาะ เป็นต้นว่าไวโอลิน ฟลุต ทรัมเป็ต กลองชุด กีตาร์ อื่นๆอีกมากมายโดยเจออุปกรณ์สำหรับเล่นดนตรีสากลได้ในวงดนตรีสากลชนิดต่างๆตั้งแต่สมัยก่อนจนกระทั่งปัจจุบันนี้
การเรียนวิชาเรื่องราวดนตรีตะวันตกหลายท่านอาจจะมีความรู้สึกว่าเกิดเรื่องไกลตัวอย่างยิ่งแล้วก็มักมีปัญหาเสมอว่าจะเรียนรู้ไปเพราะอะไรคำตอบก็คือ ดนตรีตะวันตกเป็นรากของดนตรีที่พวกเราได้ยินได้ฟังกันเวลานี้ ภูมิหลังของดนตรีหรือประวัติศาสตร์ดนตรีนั้นซึ่งก็คือการมองย้อนไปไปในสมัยก่อนเพื่ออุตสาหะทำความเข้าใจกับมุมมองต่างๆของสมัยก่อนในแต่ละยุคนับเวลาย้อนกลับไปตรงเวลาหลายพันปีจากสภาพสังคมบริเวณแวดล้อม ทรรศนะคติแล้วก็รสนิยมของผู้ผลิตสรรค์แล้วก็คนฟังดนตรีในแต่ละยุคนั้นต่างกันยังไงจากการลองถูกลองผิดทดลองแล้วทดลองอีกการจินตนาการ ตามแนวความคิดของผู้เขียนเพลง จนถึงไตร่ตรองออกมาเป็นเพลงให้ผู้คนได้ฟังกันจนกระทั่งทุกวันนี้
การเรียนรู้เรื่องราวทางประวัติศาสตร์หรือการมองย้อนกลับไปในสมัยก่อนนั้นเว้นแต่เป็นไปเพื่อความสบายใจสำหรับการได้ศึกษาเล่าเรียนแล้วก็รับรู้เรื่องราวของสมัยก่อนโดยตรงแล้วยังเป็นการเรียนรู้ เป็นแถวทางเพื่อทำความเข้าใจดนตรีที่เกิดขึ้นรวมทั้งความเคลื่อนไหวในด้านของดนตรีในขณะนี้
แล้วก็เพื่อนำมาใช้สำหรับในการทายหรือคาดคะเนถึงแนวโน้มของดนตรีในอนาคตด้วยเอ๋ยถึงความเป็นมาดนตรีตะวันตกซึ่งแบ่งได้ยุคต่างๆได้ 9 ยุค ดังต่อไปนี้การกำเนิดของอุปกรณ์สำหรับเล่นดนตรีเกิดขึ้นตั้งแต่อดีตกาล โดยมนุษย์รู้จักการผลิตอุปกรณ์สำหรับเล่นดนตรีกล้วยๆจากธรรมชาติรอบตัวเป็น เริ่มจากการปรบมือผิวปาก เคาะหิน หรือนำก้านไม้มาตีกันซึ่งถัดมาได้มีการสร้างอุปกรณ์สำหรับเล่นดนตรีที่มี
ทรงลักษณะต่างๆที่นานับประการในแต่ละชาติ โดยมีการเปลี่ยนศิลปวัฒนธรรมแล้วก็ลักษณะอุปกรณ์สำหรับเล่นดนตรีของชาติต่างๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งอุปกรณ์สำหรับเล่นดนตรีสากลที่เป็นอุปกรณ์สำหรับเล่นดนตรีของฝรั่งที่เอามาเล่นกันแพร่หลายในขณะนี้ ในการเกิดของดนตรีตะวันตกนั้นมาจากอุปกรณ์สำหรับเล่นดนตรีของเชื้อชาติภาษากรีกโบราณที่สร้างอุปกรณ์สำหรับเล่นดนตรีขึ้นมา 3 ประเภทเป็น ไลรา คีสายธาร แล้วก็ออโรสกระทั่งถัดมามีการปรับปรุงสร้างอุปกรณ์สำหรับเล่นดนตรีชนิดต่างๆทั้งยังจำพวกเครื่องสายเครื่องเป่า เครื่องทองหยองเหลือง เครื่องตี รวมทั้งเครื่องดีดหรือเครื่องเคาะ ดังเช่นไวโอลิน ฟลุต ทรัมเป็ต
กลองชุด กีตาร์ อื่นๆอีกมากมายโดยเจออุปกรณ์สำหรับเล่นดนตรีสากล
ได้ในวงดนตรีสากลจำพวกต่างๆการสืบเรื่องราวเกี่ยวกับที่มาที่ไปของดนตรีตั้งแต่สมัยก่อนมา ถือว่าเป็นเรื่องยากที่จะให้ได้เรื่องราว ยุคของการรู้จักใช้อักษรหรือเครื่องหมายอื่นๆเพึ่งจะมีปรากฏแล้วก็เริ่มนิยมใช้กันในยุคเริ่มของสมัย Middle age เป็นระหว่างศตวรรษที่ 5-6 รวมทั้งการบันทึกมีเพียงแค่สัญลักษณ์แสดงเพียงแต่ระดับของเสียง รวมทั้งจังหวะ ( Pitch and time ) ดนตรี เกิดมาในโลกพร้อมๆกับมนุษย์เรานั่นเอง ในสมัยแรกๆมนุษย์อาศัยอยู่ในป่าดง ในถ้ำ ในโพรงไม้ แต่ว่าก็รู้จักการตะโกนรำทำเพลงตามธรรมชาติ เป็นต้นว่ารู้จักตบมือ เคาะหิน เคาะไม้ ผิวปาก เป่าเขา แล้วก็ออกเสียงร้องตามเรื่องตามราว
การตะโกนรำทำเพลงไปเพื่อวิงวอนพระผู้เป็นเจ้าเพื่อช่วยทำให้ตนปลอดภัย บันดลความสบายความอุดมสมบูรณ์ต่างๆให้แก่ตน หรือเป็นการบูชาแสดงความขอบพระคุณพระผู้เป็นเจ้าที่บันดลให้ตนแฮปปี้ความสบายดนตรีในศตวรรษที่ 20 นี้ไม่บางทีอาจที่จะคาดเดาได้มากนัก เพราะว่ามีการเปลี่ยนอย่างเร็วตามความรุ่งโรจน์ทางเทคโนโลยี การไหลทางด้านวัฒนธรรม คนภายในโลกเริ่ม สนิทสนมกันมากขึ้นเรื่อยๆ กล่อง หัวใจ
(Globalization) โดยใช้โครงข่ายคอมพิวเตอร์ หรืออินเตอร์เน็ต (Internet) ในส่วนของส่วนประกอบทางดนตรีในศตวรรษนี้มีความสลับซับซ้อนมากเพิ่มขึ้นมาตรฐานของแบบอย่างที่ใช้สำหรับเพื่อการนิพนธ์และก็วิธีการทำเสียงผสานโดยยึดแบบแผนมาจากยุคคลาสสิก ได้มีการเปลี่ยนแปลง เปลี่ยนและก็คิดทฤษฎีขึ้นมาใหม่เพื่อรองรับ ดนตรีอีกลักษณะเป็น เพลงที่บทกลอนขึ้นมาเพื่อเล่นเพลงด้วยอุปกรณ์สำหรับเล่นดนตรีอีเลคโทรนิค ซึ่งเสียงมีเหตุมาจากคลื่นความถี่จากเครื่องอิเลคโทรนิค (Electronic) นำมาซึ่งการทำให้เพลงมีชีวิตชีวาของ เสียงแตกหนุ่มต่างออกไปจากเสียงอุปกรณ์สำหรับเล่นดนตรีชนิดธรรมชาติ (Acoustic)
ที่มีอยู่ แต่ การจัดส่วนประกอบของดนตรียังคงเน้นย้ำที่ส่วนประกอบหลัก 4 ประการอย่างเดิม กล่าวอีกนัยหนึ่งระดับเสียง ความดังค่อยของเสียง ความสั้นยาวของโน้ต แล้วก็สีสันของเสียงดเว้นนตรีเกิดมาพร้อมด้วยมนุษย์ แล้วก็นับได้ว่าเป็นส่วนใดส่วนหนึ่งของชีวิตคนเรา มนุษย์รู้จักการ
ผลิตเพลงเพื่อใช้เป็นอุปกรณ์การสื่อสาร อาทิเช่น การตีเกราะ เคาะไม้ การเป่าเขาสัตว์ การเป่าใบไม้ เพื่อส่งสัญญาณต่างๆมนุษย์รู้จักการตะโกนรำทำเพลง เพื่อหายเครียด เพื่อความเบิกบานใจ หรือเพื่อการประกอบพิธีบาปต่างๆกิจกรรมที่เกี่ยวโยงกับเรื่องของเสียงดเว้นนตรี มนุษย์ได้นำมาซึ่งการก่อให้เกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติของผู้คนตลอดมา ถัดมาเมื่อมนุษย์ได้พึงพอใจดนตรีในด้านศิลป์ ดนตรีก็เลยได้พัฒนาการขึ้นเป็นลำดับ